อินเทอร์เน็ตได้ปฏิวัติการสื่อสารทางสังคมทั่วโลก การค้าบนอินเตอร์เน็ตก็ยังเติบโต ขยายไปได้อีก แม้ว่าแบรนด์ต่างๆ ตระหนักถึงความสำคัญของโซเชียลมีเดียซึ่งเป็นส่วนหนึ่งกลยุทธ์ทางการตลาดไปแล้ว แต่หลายแบรนด์ก็อาจยังไม่เข้าใจความหมายของการปฏิวัติทางสังคมออนไลน์นี้อย่างถ่องแท้
ทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โซเชียลมีเดียได้เปลี่ยนจากศูนย์กลางความบันเทิงเพียงอย่างเดียวมาเป็นช่องทางหลักในการค้นพบผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ การรับรู้ความเป็นไปของแบรนด์ต่างๆ รวมไปถึงการวิจัยผลิตภัณฑ์ด้วย ในภูมิภาค APAC โซเชียลมีเดียในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีความโดดเด่นเป็นอย่างมาก โดยมีผู้ใช้งานที่ใช้เวลาในโซเชียลมีเดียในแต่ละวันสูงที่สุดในภูมิภาคนี้ ตั้งแต่ร้านค้า TikTok ไปจนถึง Instagram Checkout ทุกแพลตฟอร์มในโซเชียลหลักต่างมุ่งมั่นที่จะดึงดูดผู้ใช้และส่งเสริมการใช้จ่ายในแอป ซึ่งสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้จากการทำ online survey tools
ดังนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญที่กลยุทธ์อีคอมเมิร์ซจะต้องบูรณาการเข้ากับประสบการณ์แบรนด์ดิจิทัลโดยรวมได้อย่างราบรื่นเพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า
การค้าบน Social Commerce ไม่ใช่ช่องทางการขาย 'แบบสแตนด์อโลน' เนื่องจากสามารถตอบสนองวัตถุประสงค์ได้หลายประการภายในระบบนิเวศการมีส่วนร่วมของผู้บริโภคที่มีประสิทธิภาพ มีข้อได้เปรียบมากมายสำหรับผู้ขายที่ต้องการเติบโตในโลกดิจิทัล:
ในขณะที่ Social Commerce นำเสนอโอกาสได้มากมาย การค้าขายผ่านโซเชียลก็นับได้ว่าเป็นสิ่งที่ท้าทายสำหรับผู้ขายบางราย เพราะต้องทำให้เห็นถึงความแตกต่างของแบรนด์ การปรับตัวให้เข้ากับความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป และการจัดการกับความคิดเห็นของลูกค้า เป็นความท้าทายหลักที่พวกเขาเผชิญ
ความท้าทายเหล่านี้ไม่ได้เป็นแค่ส่วนเดียว คุณสมบัติที่เป็นเอกลักษณ์ของแพลตฟอร์มโซเชียลทำให้ผู้ขายต้องหาการนำทางอย่างสร้างสรรค์ด้วย ผู้ขาย 50% พบว่าการสร้างเนื้อหาที่มีประสิทธิภาพเป็นสิ่งที่ท้าทาย: การโพสต์บนโซเชียลมีเดียบ่อยครั้งกลายเป็นกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว แต่ความซับซ้อนก็เพิ่มมากขึ้นเมื่อผู้ใช้เข้าใจเทคนิคการตลาดของแบรนด์มากขึ้น
นอกจากนี้ ผู้ขาย 48% ยังดิ้นรนเพื่อให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงอัลกอริธึมของแพลตฟอร์ม ซึ่งแตกต่างกันไปตามกลุ่มเป้าหมายที่ใช้แพลตฟอร์มที่หลากหลาย ซึ่งจำเป็นต้องมีกลยุทธ์การตลาดที่ปรับแต่งให้เหมาะสม
การศึกษาล่าสุดของ Ninja Van และ Milieu Insight เสนอกลยุทธ์ "ลด ใช้ซ้ำ และรีไซเคิล" สำหรับการตลาดเนื้อหาใน Social Commerce โดยจัดการกับความท้าทายหลักที่ผู้ขายต้องเผชิญ
แม้ว่าโซเชียลมีเดียจะครองตำแหน่งสูงในด้านยอดขายออนไลน์ แต่เว็บไซต์ยังคงเป็นจุดติดต่อที่สำคัญในการเดินทางของลูกค้า การลงทุนในการเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์ช่วยให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างราบรื่นสำหรับการเข้าถึง หรือเข้าผ่าน Social commerce ขับเคลื่อนทั้งยอดขายในระยะสั้นและความภักดีต่อแบรนด์ในระยะยาว รวมไปถึงการทำ research หรือ online surveys จะช่วยให้เข้าใจการทำตลาดมากขึ้น
การเติบโตของ Social Commerce ทำให้เกิดโอกาสในการขยายอิทธิพลของแบรนด์และสร้างความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม การจะทำการตลาดตามกระแส จำเป็นต้องมีมาตรการเชิงรุก การสร้างชุมชนของคุณเองช่วยให้คุณสามารถกำหนดปฏิสัมพันธ์ของแบรนด์ และสร้างที่ปลอดภัยสำหรับความสำเร็จที่ยั่งยืน
อินเทอร์เน็ตได้ปฏิวัติการสื่อสารทางสังคมทั่วโลก การค้าบนอินเตอร์เน็ตก็ยังเติบโต ขยายไปได้อีก แม้ว่าแบรนด์ต่างๆ ตระหนักถึงความสำคัญของโซเชียลมีเดียซึ่งเป็นส่วนหนึ่งกลยุทธ์ทางการตลาดไปแล้ว แต่หลายแบรนด์ก็อาจยังไม่เข้าใจความหมายของการปฏิวัติทางสังคมออนไลน์นี้อย่างถ่องแท้
ทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โซเชียลมีเดียได้เปลี่ยนจากศูนย์กลางความบันเทิงเพียงอย่างเดียวมาเป็นช่องทางหลักในการค้นพบผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ การรับรู้ความเป็นไปของแบรนด์ต่างๆ รวมไปถึงการวิจัยผลิตภัณฑ์ด้วย ในภูมิภาค APAC โซเชียลมีเดียในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีความโดดเด่นเป็นอย่างมาก โดยมีผู้ใช้งานที่ใช้เวลาในโซเชียลมีเดียในแต่ละวันสูงที่สุดในภูมิภาคนี้ ตั้งแต่ร้านค้า TikTok ไปจนถึง Instagram Checkout ทุกแพลตฟอร์มในโซเชียลหลักต่างมุ่งมั่นที่จะดึงดูดผู้ใช้และส่งเสริมการใช้จ่ายในแอป ซึ่งสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้จากการทำ online survey tools
ดังนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญที่กลยุทธ์อีคอมเมิร์ซจะต้องบูรณาการเข้ากับประสบการณ์แบรนด์ดิจิทัลโดยรวมได้อย่างราบรื่นเพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า
การค้าบน Social Commerce ไม่ใช่ช่องทางการขาย 'แบบสแตนด์อโลน' เนื่องจากสามารถตอบสนองวัตถุประสงค์ได้หลายประการภายในระบบนิเวศการมีส่วนร่วมของผู้บริโภคที่มีประสิทธิภาพ มีข้อได้เปรียบมากมายสำหรับผู้ขายที่ต้องการเติบโตในโลกดิจิทัล:
ในขณะที่ Social Commerce นำเสนอโอกาสได้มากมาย การค้าขายผ่านโซเชียลก็นับได้ว่าเป็นสิ่งที่ท้าทายสำหรับผู้ขายบางราย เพราะต้องทำให้เห็นถึงความแตกต่างของแบรนด์ การปรับตัวให้เข้ากับความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป และการจัดการกับความคิดเห็นของลูกค้า เป็นความท้าทายหลักที่พวกเขาเผชิญ
ความท้าทายเหล่านี้ไม่ได้เป็นแค่ส่วนเดียว คุณสมบัติที่เป็นเอกลักษณ์ของแพลตฟอร์มโซเชียลทำให้ผู้ขายต้องหาการนำทางอย่างสร้างสรรค์ด้วย ผู้ขาย 50% พบว่าการสร้างเนื้อหาที่มีประสิทธิภาพเป็นสิ่งที่ท้าทาย: การโพสต์บนโซเชียลมีเดียบ่อยครั้งกลายเป็นกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว แต่ความซับซ้อนก็เพิ่มมากขึ้นเมื่อผู้ใช้เข้าใจเทคนิคการตลาดของแบรนด์มากขึ้น
นอกจากนี้ ผู้ขาย 48% ยังดิ้นรนเพื่อให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงอัลกอริธึมของแพลตฟอร์ม ซึ่งแตกต่างกันไปตามกลุ่มเป้าหมายที่ใช้แพลตฟอร์มที่หลากหลาย ซึ่งจำเป็นต้องมีกลยุทธ์การตลาดที่ปรับแต่งให้เหมาะสม
การศึกษาล่าสุดของ Ninja Van และ Milieu Insight เสนอกลยุทธ์ "ลด ใช้ซ้ำ และรีไซเคิล" สำหรับการตลาดเนื้อหาใน Social Commerce โดยจัดการกับความท้าทายหลักที่ผู้ขายต้องเผชิญ
แม้ว่าโซเชียลมีเดียจะครองตำแหน่งสูงในด้านยอดขายออนไลน์ แต่เว็บไซต์ยังคงเป็นจุดติดต่อที่สำคัญในการเดินทางของลูกค้า การลงทุนในการเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์ช่วยให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างราบรื่นสำหรับการเข้าถึง หรือเข้าผ่าน Social commerce ขับเคลื่อนทั้งยอดขายในระยะสั้นและความภักดีต่อแบรนด์ในระยะยาว รวมไปถึงการทำ research หรือ online surveys จะช่วยให้เข้าใจการทำตลาดมากขึ้น
การเติบโตของ Social Commerce ทำให้เกิดโอกาสในการขยายอิทธิพลของแบรนด์และสร้างความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม การจะทำการตลาดตามกระแส จำเป็นต้องมีมาตรการเชิงรุก การสร้างชุมชนของคุณเองช่วยให้คุณสามารถกำหนดปฏิสัมพันธ์ของแบรนด์ และสร้างที่ปลอดภัยสำหรับความสำเร็จที่ยั่งยืน