ไขรหัสพฤติกรรมนักช้อปในวัน Double Day

ถอดรหัสแคมเปญ Double Day แบรนด์ต้องรู้อะไรเกี่ยวกับพฤติกรรมนักช้อปในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้?
เรื่องราวเริ่มต้นด้วยเสียงแจ้งเตือน "ติ๊ง!"... ทั้งจากแอปพลิเคชัน ไลน์กลุ่มที่แชร์ดีลเด็ดก่อนใคร หรือตัวนับเวลาถอยหลังสำหรับ Flash Sale ทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SEA) แคมเปญช้อปปิ้งแบบ "เลขคู่" เช่น 6.6 หรือ 12.12 ได้กลายเป็นมากกว่าแค่โปรโมชันขายของ แต่สำหรับหลายคน วันเหล่านี้คือวันสำคัญที่วงกลมเอาไว้ในปฏิทิน รถเข็นถูกกดใส่ของล่วงหน้าเป็นวันๆ และการช้อปปิ้งกลายเป็นพิธีกรรมที่ต้องทำร่วมกัน
อะไรคือเบื้องหลังความคลั่งไคล้ในวัน Double Day? ผลสำรวจล่าสุดจาก Milieu Insight เจาะลึกความคิดของผู้บริโภคกว่า 6,000 คนใน 6 ประเทศทั่ว SEA เพื่อค้นหาว่าคนซื้ออะไร ซื้ออย่างไร และทำไมถึงต้องรอซื้อในวันเมกะเซลล์เหล่านี้ ผลที่ได้เผยให้เห็นถึงวิวัฒนาการของพฤติกรรมการช้อปปิ้งในภูมิภาค และสิ่งที่แบรนด์ต้องรู้เพื่อก้าวล้ำนำหน้า
รู้จัก 100% พร้อมเปย์ 100%
ผู้ตอบแบบสอบถามทุกคนในสิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ไทย เวียดนาม และฟิลิปปินส์ ต่างรับรู้ถึงการมีอยู่ของแคมเปญ Double Day ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันว่าวันเหล่านี้ฝังรากลึกอยู่ในปฏิทินการค้าปลีกแล้ว
แต่แค่รับรู้นั้นยังไม่พอ เพราะนักช้อปใน SEA ไม่ได้เป็นแค่พวก "ช้อปตามใจ" แต่เป็น "นักวางแผน" ต่างหาก คนส่วนใหญ่ในทุกประเทศบอกว่าพวกเขายินดีที่จะรอซื้อของที่อยากได้อยู่แล้วในวัน Double Day โดยเฉพาะใน ประเทศไทย (94%) เวียดนาม (92%) และ ฟิลิปปินส์ (92%) ที่เห็นชัดเป็นพิเศษ แสดงให้เห็นว่าแคมเปญเหล่านี้ไม่ได้มีไว้สำหรับแค่การค้นหาสินค้าใหม่ๆ แต่คือการ "ใช้จ่ายอย่างมีกลยุทธ์"
แนวคิดนี้ยิ่งชัดเจนสำหรับสินค้าชิ้นใหญ่ เกือบ 8 ใน 10 คนในตลาดส่วนใหญ่ยอมรับว่าพวกเขารอซื้อของแพงๆ อย่างเครื่องใช้ไฟฟ้าหรือเฟอร์นิเจอร์ในช่วงเซลล์แบบ 6.6 โดยเฉพาะที่เวียดนามที่ 47% เห็นด้วยกับแนวคิดนี้อย่างยิ่ง
เจาะลึกช่องทางการชำระเงินยอดฮิต
แม้พฤติกรรมการช้อปปิ้งจะมุ่งสู่ดิจิทัล แต่ความชอบในวิธีการจ่ายเงินกลับสะท้อนภาพความพร้อมทางดิจิทัลที่แตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ
- สิงคโปร์ ชอบใช้ บัตรเครดิต (69%) ซึ่งสะท้อนโครงสร้างพื้นฐานด้านการธนาคารที่มั่นคงกว่า
- ฟิลิปปินส์ และ เวียดนาม ยังคงเน้น เงินสด เป็นหลัก ด้วยสัดส่วนสูงถึง 72% และ 62% ตามลำดับ
- อินโดนีเซีย มาเลเซีย และ เวียดนาม มีการใช้ e-wallet อย่างแพร่หลาย (52%, 51% และ 60%)
- ประเทศไทย โดดเด่นด้วยนวัตกรรมฟินเทคภายในประเทศ โดย 51% ใช้ พร้อมเพย์ ซึ่งเป็นระบบการชำระเงินแบบเรียลไทม์ของชาติ
แพลตฟอร์มออนไลน์คือคำตอบ
บริษัทอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ อย่าง Shopee และ Lazada ครองตลาดอย่างเบ็ดเสร็จ โดยเฉพาะในฟิลิปปินส์ที่นักช้อปถึง 89% ใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ในการช้อปปิ้งวัน Double Day ส่วนร้านค้าแบบมีหน้าร้านหรือ Physical Retail กลายเป็นอันดับสองที่ห่างกันลิบ มีเพียง 1-10% เท่านั้นที่ยังพึ่งพาการซื้อของแบบไปเดินห้างด้วยตัวเอง การครองตลาดของช่องทางดิจิทัลนี้ได้รับการตอกย้ำด้วยเทรนด์ที่คนหันมาช้อปออนไลน์มากขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะใน ประเทศไทย (74%) และ เวียดนาม (77%)
ดีลดีคือหัวใจสำคัญ
เมื่อถามถึงเหตุผลที่ช้อปในวัน Double Day คำตอบยอดฮิตที่สุดในทั้ง 6 ประเทศคือ "เพื่อรับดีลที่ดีที่สุดสำหรับของที่ต้องการ" ซึ่งเห็นได้ชัดเจนในสิงคโปร์ (59%) มาเลเซีย (54%) และฟิลิปปินส์ (59%)
ที่น่าสนใจคือ แรงจูงใจจะแตกต่างกันเล็กน้อยตามความพร้อมของตลาด
- อินโดนีเซีย และ เวียดนาม สนใจการค้นหาสินค้าและเปรียบเทียบราคามากกว่า
- ประเทศไทย เน้นการ ซื้อตุนสินค้าอุปโภคบริโภคในชีวิตประจำวัน
- นักช้อปชาว เวียดนาม ยังให้ความสำคัญกับ เงินคืน (Cashback) และส่วนลดอื่นๆ เป็นพิเศษ (58%)
อะไรคือปัจจัยที่กระตุ้นการตัดสินใจซื้อ?
อะไรทำให้นักช้อปต้องรีบกดปุ่ม "ซื้อเลย"? คำตอบขึ้นอยู่กับประเทศนั้นๆ
- สิงคโปร์ ชอบ Flash Sale (47%) และ เงินคืน (38%)
- เวียดนาม พึ่งพา เงินคืน (58%) และ Flash Deal (43%) อย่างมาก
- มาเลเซีย และ ฟิลิปปินส์ ให้ความสำคัญกับ การรับประกันราคา (Price Match Guarantee) (35% และ 28%)
- ประเทศไทย ชอบ Bundle Deals หรือการซื้อเป็นเซ็ต (30%) และ คำแนะนำส่วนบุคคล (Personalized Recommendations) (21%) ซึ่งสะท้อนถึงการชอบประสบการณ์ที่ออกแบบมาเพื่อเราโดยเฉพาะ
ซื้ออะไรกัน?
ทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แฟชั่น และ ความงาม คือสินค้าที่ครองรถเข็นนักช้อป
- เสื้อผ้า/เครื่องแต่งกาย เป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมสูงสุดในทุกตลาด โดยในฟิลิปปินส์สูงถึง 57%
- ผลิตภัณฑ์ความงามและสกินแคร์ ตามมาติดๆ โดยเฉพาะในอินโดนีเซีย (61%) และฟิลิปปินส์ (49%)
- ผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนบุคคล ได้รับความสนใจสูงอย่างน่าประหลาดใจในเวียดนาม (62%) และฟิลิปปินส์ (62%)
ส่วนความสนใจใน อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และแกดเจ็ต จะแตกต่างกันไป โดยที่มาเลเซีย (46%) และสิงคโปร์ (39%) มีความสนใจมากที่สุด
แล้วแบรนด์ควรวางกลยุทธ์อย่างไร?
การเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคเป็นเพียงจิ๊กซอว์ชิ้นหนึ่ง แต่การนำความรู้นั้นมาปฏิบัติจริงต่างหากที่จะทำให้แบรนด์ชนะใจลูกค้าได้ จากข้อมูลเชิงลึกในภูมิภาค นี่คือกรอบกลยุทธ์ที่จะช่วยให้ธุรกิจคว้าโอกาสจากโมเมนตัมของ Double Day
กลยุทธ์ด้านการชำระเงิน
- กระจายความหลากหลายตามตลาด: โปรโมต บัตรเครดิต ในสิงคโปร์
- รองรับ เงินสดและ e-wallet ในฟิลิปปินส์และเวียดนาม
- ใช้ประโยชน์จาก ระบบการชำระเงินในประเทศ อย่างพร้อมเพย์ในประเทศไทย
กลยุทธ์การตลาด
- ให้ความสำคัญกับแคมเปญ โซเชียลมีเดีย ในไทยและฟิลิปปินส์
- เน้นการตลาดผ่าน แอปพลิเคชัน ในอินโดนีเซียและเวียดนาม
- ใช้ ช่องทางที่หลากหลาย ในสิงคโปร์เพื่อรองรับนักช้อปแบบ Omnichannel
การเน้นผลิตภัณฑ์
- ให้ความสำคัญกับสินค้า แฟชั่นและความงาม เป็นหลักในทุกตลาด
- ชูสินค้าประเภท Personal Care ในเวียดนามและฟิลิปปินส์
- ดันสินค้า อิเล็กทรอนิกส์ ในมาเลเซียและสิงคโปร์
กลยุทธ์ราคา
- นำด้วย ส่วนลดสูงสุด (50%) ซึ่งเป็นแรงจูงใจหลักในการซื้อ
- จัดโปรแกรม เงินคืน ในเวียดนามเพื่อเพิ่มยอดการซื้อ
- เสนอ Bundle Deals ที่ออกแบบมาเพื่อนักช้อปชาวไทยโดยเฉพาะ
- กระตุ้นความเร่งด่วนในสิงคโปร์ด้วย Flash Sale
แคมเปญ Double Day ได้พัฒนาไปไกลกว่าการเป็นแค่เทรนด์การค้าปลีก แต่ได้ฝังรากอย่างลึกซึ้งในจิตใจของนักช้อปในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไม่ว่าจะเป็นการใช้บัตรเครดิตในสิงคโปร์ การโอนผ่านพร้อมเพย์ในไทย หรือการเก็บเงินปลายทางในฟิลิปปินส์ ทุกคนต่างมุ่งมั่นที่จะตามหาสินค้าที่คุ้มค่า สะดวกสบาย และใช้จ่ายอย่างชาญฉลาดในมหกรรมเซลล์ครั้งใหญ่เหล่านี้
สำหรับร้านค้าและแบรนด์ การทำความเข้าใจพฤติกรรมและความชอบที่แตกต่างกันอย่างละเอียดอ่อนเหล่านี้ และนำมาสร้างสรรค์เป็นกลยุทธ์ คือกุญแจสำคัญที่จะช่วยดึงดูดความสนใจ เพิ่มยอดขาย และสร้าง Brand loyalty ในภูมิภาคที่อีคอมเมิร์ซมีความน่าตื่นเต้นที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

Author
Rachel Lee
The Content Lead at Milieu Insight. Passionate about translating data into impactful stories, she crafts content that bridges insights and action- making complex research accessible, engaging, and meaningful for audiences across the globe.