บล็อก
อุตสาหกรรม
วิจัย 101

เข้าใจผู้บริโภคให้ลึกขึ้น ด้วยวิธีวิจัยที่แบรนด์มืออาชีพเลือกใช้

เขียนเมื่อ:
April 7, 2025
Milieu Team
Rachel Lee
Milieu Insight Insight สงกรานต์ 2025

เคยสงสัยไหมว่าทำไมบางธุรกิจถึงดูเหมือน "รู้จักคุณ" ได้ดีจนน่าทึ่ง? บางครั้งพวกเขายังคาดเดาความต้องการได้แม่นยำกว่าที่คุณคิดเอาเองเสียอีก คำตอบอยู่ที่ การวิจัยผู้บริโภค นั่นเอง

การเข้าใจความต้องการ ความคาดหวัง และพฤติกรรมของลูกค้าอย่างแท้จริง คือเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจตัดสินใจได้อย่างแม่นยำ แทนที่จะต้องเดาเอา

แบรนด์ต่าง ๆ ใช้หลากหลายวิธีในการเก็บข้อมูลจากผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นการทำแบบสอบถาม (Survey) การจัดการสนทนากลุ่ม (Focus Group) หรือการวิเคราะห์บทสนทนาบนโซเชียลมีเดีย (Social Listening) วิธีเหล่านี้ช่วยให้ธุรกิจพัฒนาสินค้าและบริการได้ตรงจุด สร้างประสบการณ์ที่ตอบโจทย์ลูกค้า และตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูลรองรับ

ตัวอย่างเช่น แบบสอบถามที่ออกแบบมาอย่างมีระบบ สามารถเผยให้เห็น Insight สำคัญที่อาจนำไปสู่การปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ทั้งองค์กรได้

ในบทความนี้ Milieu Insight จะพาคุณสำรวจวิธีวิจัยผู้บริโภคที่ได้รับความนิยมและใช้งานจริงในภาคธุรกิจ พร้อมอธิบายว่าแต่ละวิธีทำงานอย่างไร และเพราะเหตุใดจึงมีความสำคัญในยุคที่การตัดสินใจต้องอิงจากข้อมูลมากกว่าสัญชาตญาณ

ทำไมธุรกิจต้องทำวิจัยผู้บริโภค

การทำวิจัยผู้บริโภค ช่วยให้ธุรกิจเข้าใจกลุ่มเป้าหมายได้ลึกยิ่งขึ้น และสามารถตัดสินใจเชิงกลยุทธ์บนพื้นฐานของข้อมูลจริง แทนที่จะอิงจากสมมุติฐานหรือความรู้สึก ด้วยวิธีวิจัยที่หลากหลาย บริษัทสามารถเข้าถึง Insight สำคัญเกี่ยวกับพฤติกรรมผู้บริโภค ซึ่งนำไปสู่การพัฒนาสินค้าให้ตอบโจทย์ลูกค้ามากขึ้น ปรับกลยุทธ์การตลาดให้แม่นยำ และรักษาความได้เปรียบทางการแข่งขัน

เหตุผลหลักที่ธุรกิจควรทำวิจัยผู้บริโภค

  • เข้าใจลูกค้าให้ลึกขึ้น รู้จักความชอบ ความไม่ชอบ และความคาดหวังของผู้บริโภคได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
  • ปรับปรุงได้ตรงจุด นำ Feedback จากลูกค้ามาใช้ปรับปรุงสินค้าและบริการให้ตอบโจทย์จริง
  • เพิ่มประสิทธิภาพการตลาด โดยการใช้ข้อมูลในการกำหนดกลุ่มเป้าหมายและข้อความสื่อสารให้แม่นยำมากยิ่งขึ้น
  • ค้นหาโอกาสใหม่ เพื่อระบุช่องว่างในตลาดที่ยังไม่มีธุรกิจไหนเข้าไปเติมเต็ม
  • รักษาความได้เปรียบ ผ่านการวิเคราะห์คู่แข่ง (Competitive Analysis) เพื่อเข้าใจว่าควรวางตัวอย่างไรให้แตกต่าง

การวิจัยผู้บริโภคมีกี่ประเภท?

การวิจัยผู้บริโภคสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่

  • การวิจัยขั้นต้น (Primary Research) คือการเก็บข้อมูลโดยตรงจากผู้บริโภคเป้าหมาย เช่น การสนทนากลุ่ม (Focus Group) แบบสอบถาม (Survey) หรือการสัมภาษณ์รายบุคคล (In-depth Interview) ซึ่งให้ทั้งข้อมูลเชิงคุณภาพ (Qualitative Data) และข้อมูลเชิงปริมาณ (Quantitative Data) ที่สะท้อนพฤติกรรมและความคิดของผู้บริโภคจริง
  • การวิจัยขั้นรอง (Secondary Research) คือการวิเคราะห์ข้อมูลที่มีอยู่แล้ว เช่น ข้อมูลสาธารณะ (Public Domain Data) การวิเคราะห์คู่แข่ง (Competitive Analysis) และข้อมูลสำเร็จรูปที่ซื้อจากแหล่งข้อมูลภายนอก (Purchased Data) เป็นวิธีที่คุ้มค่าในการเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกจากงานศึกษาหรือแนวโน้มตลาดที่ผ่านมา

ทั้งการวิจัยขั้นต้นและขั้นรอง ต่างมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้ธุรกิจเข้าใจตลาดเป้าหมายได้ลึกยิ่งขึ้น และตัดสินใจทางธุรกิจได้อย่างมีข้อมูลรองรับ

วิธีวิจัยผู้บริโภคที่ธุรกิจใช้กันบ่อย

การสนทนากลุ่ม (Focus Groups)

การสนทนากลุ่มเป็นการวิจัยเชิงคุณภาพที่ใช้กลุ่มผู้เข้าร่วมจำนวนน้อย เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ บริการ หรือแนวคิดทางการตลาด โดยอยู่ภายใต้การดำเนินรายการของผู้ดำเนินการวิจัย (Moderator) ซึ่งช่วยให้ธุรกิจสามารถสังเกตพฤติกรรมจริงและรวบรวมความคิดเห็นของลูกค้าในสภาพแวดล้อมที่ควบคุมได้

ข้อดีของการใช้การสนทนากลุ่ม

  • เข้าใจความชอบและพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคได้ลึกขึ้น
  • ทดสอบไอเดียหรือคอนเซ็ปต์ก่อนเปิดตัวจริง
  • ค้นหาจุด Pain Points และช่องทางในการปรับปรุง

อย่างไรก็ตาม การสนทนากลุ่มอาจใช้เวลามาก และไม่สามารถสะท้อนความคิดเห็นของกลุ่มเป้าหมายทั้งหมดได้เสมอไป จึงมักถูกนำมาใช้ร่วมกับวิธีวิจัยเชิงปริมาณ เพื่อให้ได้มุมมองที่ครอบคลุมมากขึ้น

แบบสอบถาม (Surveys)

แบบสอบถามเป็นวิธีที่มีโครงสร้างชัดเจนในการรวบรวมความคิดเห็นจากลูกค้า โดยสามารถดำเนินการผ่านฟอร์มออนไลน์ อีเมล หรือโทรศัพท์ เป็นเครื่องมือวิจัยเชิงปริมาณที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในงานวิจัยตลาด เนื่องจากสามารถนำข้อมูลที่ได้ไปวิเคราะห์ทางสถิติได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ตัวอย่างประเภทของแบบสอบถาม

  • แบบสอบถามออนไลน์ ประหยัดและเผยแพร่ได้ง่าย
  • การทดสอบการใช้งาน (Usability Test) ประเมินประสบการณ์ของผู้ใช้กับผลิตภัณฑ์
  • เว็บไซต์รีวิว แหล่งรวมประสบการณ์และคะแนนจากลูกค้า

แบบสอบถามมีบทบาทสำคัญในการเก็บข้อมูลเกี่ยวกับการแบ่งกลุ่มตลาด (Market Segmentation) โครงสร้างราคา และพฤติกรรมการซื้อ ช่วยให้ธุรกิจตัดสินใจบนพื้นฐานของข้อมูลจริง

การวิเคราะห์บทสนทนาบนโซเชียลมีเดีย (Social Media Listening)

Social Listening เป็นแนวทางการวิจัยผู้บริโภครูปแบบใหม่ ที่เน้นการติดตามบทสนทนา ความคิดเห็น และการกล่าวถึงแบรนด์หรืออุตสาหกรรมบนแพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น Facebook, Instagram, Twitter หรือ Reddit โดยสามารถให้ Insight แบบเรียลไทม์ที่มีคุณค่าสำหรับธุรกิจ

ข้อดีของการวิเคราะห์บทสนทนาบนโซเชียล

  • เข้าใจภาพรวมของแบรนด์ในโลกออนไลน์และระดับการมีส่วนร่วม
  • ติดตามเทรนด์ตลาดและตอบสนองต่อสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว
  • ตรวจจับ Pain Points ของลูกค้าและมุมมองต่อแบรนด์แบบไม่ผ่านการกรอง

ด้วยการใช้ Social Listening ธุรกิจสามารถปรับกลยุทธ์การสื่อสาร เพิ่มความสามารถในการแข่งขัน และตัดสินใจโดยอิงจากสิ่งที่ลูกค้าพูดถึงจริงในโลกออนไลน์

การสัมภาษณ์เชิงคุณภาพ (Qualitative Interviews)

การสัมภาษณ์เชิงคุณภาพเป็นการพูดคุยแบบตัวต่อตัวที่เน้นการเข้าใจเจตนา ทัศนคติ และพฤติกรรมของผู้บริโภคอย่างลึกซึ้ง ต่างจากการสนทนากลุ่มที่เป็นการพูดคุยในกลุ่ม การสัมภาษณ์แบบรายบุคคลเปิดโอกาสให้ผู้ตอบสามารถเล่าประสบการณ์และความคิดเห็นได้อย่างเป็นอิสระมากขึ้น

ข้อดีของการสัมภาษณ์เชิงคุณภาพ

  • ได้ Insight ที่มีความลึกจากผู้บริโภคในบริบทส่วนตัว
  • ช่วยค้นหาความชอบ แรงจูงใจ และทัศนคติที่อาจไม่ปรากฏในแบบสอบถาม
  • ใช้คำถามปลายเปิดเพื่อให้ได้คำตอบที่หลากหลายและมีรายละเอียด

แม้จะให้ข้อมูลที่มีคุณค่า แต่การสัมภาษณ์เชิงคุณภาพใช้เวลามาก และไม่สามารถวัดผลเชิงตัวเลขได้ จึงมักใช้ควบคู่กับการวิจัยเชิงปริมาณ เพื่อให้เข้าใจกลุ่มเป้าหมายได้อย่างรอบด้าน

การทดลองและภาคสนาม (Experiments and Field Trials)

การทดลองและภาคสนาม เป็นวิธีวิจัยเชิงสังเกตที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถทดสอบผลิตภัณฑ์หรือบริการในสภาพแวดล้อมจริงก่อนเปิดตัวอย่างเต็มรูปแบบ วิธีนี้ให้ข้อมูลเชิงตัวเลขที่สำคัญและช่วยวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้บริโภคอย่างละเอียด

ข้อดีของการทดลองภาคสนาม

  • ทดสอบโครงสร้างราคาและแนวคิดผลิตภัณฑ์ก่อนลงทุนจริง
  • ช่วยให้ตัดสินใจได้โดยอิงจากการตอบสนองของผู้บริโภค
  • สังเกตพฤติกรรมใช้งานจริง เพื่อปรับปรุงสินค้าให้ตรงจุด

แม้ว่าการทดลองภาคสนามจะใช้ทรัพยากรค่อนข้างมากและอาจมีต้นทุนสูง แต่หากดำเนินการอย่างเหมาะสม ก็สามารถให้ Insight ที่ลึกและแม่นยำ ซึ่งมีค่าต่อการตัดสินใจทางธุรกิจอย่างยิ่ง

การวิจัยเชิงสังเกต (Observation)

การวิจัยเชิงสังเกตคือการศึกษาพฤติกรรมของผู้บริโภคในสถานการณ์จริงโดยไม่เข้าไปแทรกแซง ช่วยให้เห็นการตอบสนองของลูกค้าต่อผลิตภัณฑ์หรือบริการในสภาพแวดล้อมที่เป็นธรรมชาติ

ข้อดีของการวิจัยเชิงสังเกต

  • เห็นพฤติกรรมที่แท้จริง ไม่อิงจากคำพูดหรือแบบสอบถาม
  • ระบุพฤติกรรมการซื้อได้โดยไม่ทำให้ผู้บริโภคเปลี่ยนพฤติกรรม
  • ได้มุมมองจริงเกี่ยวกับการใช้งานสินค้าและประสบการณ์ในจุดขาย

แม้ว่าจะเป็นวิธีที่ให้ข้อมูลเชิงลึก แต่การวิจัยเชิงสังเกตอาจใช้เวลานาน และมักต้องใช้เครื่องมือวิจัยอื่น ๆ เสริม เช่น การสัมภาษณ์เชิงคุณภาพหรือแบบสอบถาม เพื่อเข้าใจแรงจูงใจเบื้องหลังพฤติกรรมที่สังเกตพบ

การวิเคราะห์การแข่งขัน (Competitive Analysis)

การวิเคราะห์การแข่งขันเป็นองค์ประกอบสำคัญของกระบวนการวิจัยผู้บริโภค ที่ช่วยให้ธุรกิจประเมินกลยุทธ์ จุดแข็ง และจุดอ่อนของคู่แข่งในตลาด ด้วยการศึกษาคู่แข่งอย่างเป็นระบบ บริษัทสามารถปรับกลยุทธ์ของตนให้สอดคล้องกับแนวโน้มอุตสาหกรรมและสร้างความแตกต่างได้อย่างมีประสิทธิภาพ

องค์ประกอบของการวิเคราะห์การแข่งขัน

  • วิเคราะห์โครงสร้างราคาและผลิตภัณฑ์ของคู่แข่ง
  • ประเมินการสื่อสารบนโซเชียลมีเดียและภาพลักษณ์ในสื่อ
  • ทำความเข้าใจกลุ่มเป้าหมายและวิธีสร้างการมีส่วนร่วมของคู่แข่ง

การวิเคราะห์อย่างรอบด้านช่วยให้ธุรกิจค้นพบโอกาสใหม่ ๆ ปรับปรุงกลยุทธ์การตลาด และรักษาความได้เปรียบในการแข่งขันในตลาดที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

การใช้ข้อมูลที่มีอยู่แล้ว

ข้อมูลสาธารณะ (Public Domain Data)

ข้อมูลสาธารณะหมายถึงข้อมูลที่เปิดเผยให้เข้าถึงได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เช่น รายงานภาครัฐ งานวิจัยจากภาคอุตสาหกรรม หรือบทวิเคราะห์ตลาดจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ การใช้ข้อมูลสาธารณะถือเป็นรูปแบบของการวิจัยขั้นรอง (Secondary Research) ที่คุ้มค่าในการเก็บข้อมูลเกี่ยวกับกลุ่มตลาด ข้อมูลลูกค้า และแนวโน้มการตัดสินใจซื้อ

แหล่งข้อมูลสาธารณะที่ใช้บ่อย

  • สถิติเศรษฐกิจและรายงานจากหน่วยงานภาครัฐ
  • รายงานวิจัย (Whitepaper) และสิ่งพิมพ์จากอุตสาหกรรม
  • การศึกษาตลาดโดยสมาคมการค้าหรือองค์กรวิจัย

แม้ข้อมูลสาธารณะจะให้ภาพรวมของแนวโน้มตลาดที่เป็นประโยชน์ แต่ก็อาจไม่ละเอียดเพียงพอสำหรับธุรกิจเฉพาะกลุ่ม (Niche Market) ดังนั้นธุรกิจมักนำข้อมูลเหล่านี้มาใช้ร่วมกับการวิจัยขั้นต้น เช่น แบบสอบถามหรือการสนทนากลุ่ม เพื่อให้เข้าใจกลุ่มเป้าหมายได้ลึกยิ่งขึ้น

การซื้อรายงานวิจัย (Buying Research)

อีกหนึ่งทางเลือกที่สะดวกสำหรับธุรกิจคือการซื้อรายงานวิจัยจากบริษัทวิจัยตลาด ซึ่งจะประกอบด้วยข้อมูลเชิงปริมาณ แนวโน้มตลาด และการวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคในอุตสาหกรรมเฉพาะ ช่วยให้บริษัทสามารถตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ได้ โดยไม่จำเป็นต้องดำเนินการวิจัยด้วยตนเอง

ข้อดีของการซื้อรายงานวิจัย

  • ประหยัดเวลาและทรัพยากร เมื่อเทียบกับการทำวิจัยขั้นต้นเอง
  • ได้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการแบ่งกลุ่มตลาด (Market Segmentation) ในอุตสาหกรรม
  • ปรับกลยุทธ์ทางการตลาดได้อย่างแม่นยำจากข้อมูลเชิงสถิติ

อย่างไรก็ตาม การซื้อรายงานวิจัยอาจมีต้นทุนสูง และบางรายงานอาจไม่ครอบคลุมข้อมูลล่าสุด ธุรกิจจึงควรเลือกซื้อรายงานที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์การวิจัยของตนอย่างชัดเจน

การวิเคราะห์ข้อมูลยอดขาย (Sales Data Analysis)

การวิเคราะห์ข้อมูลยอดขายเป็นวิธีวิจัยที่สำคัญสำหรับการทำความเข้าใจความชอบของลูกค้าและพฤติกรรมการซื้อ โดยการดูจากข้อมูลธุรกรรมย้อนหลัง ธุรกิจสามารถระบุโครงสร้างราคา ช่วงเวลาซื้อขายที่มีความถี่สูง และสินค้าที่ได้รับความนิยมภายในกลุ่มเป้าหมาย

ตัวอย่างการใช้การวิเคราะห์ข้อมูลยอดขายในธุรกิจ

  • วิเคราะห์แนวโน้มตลาดและพยากรณ์ความต้องการในอนาคต
  • ปรับปรุงแคมเปญการตลาดจากประสิทธิภาพที่ผ่านมา
  • ปรับกลยุทธ์การตั้งราคาให้ตรงกับพฤติกรรมของผู้บริโภค

เนื่องจากข้อมูลยอดขายให้ข้อมูลเชิงตัวเลขที่ชัดเจน จึงถือเป็นส่วนสำคัญของการวิจัยเชิงปริมาณ และช่วยให้ธุรกิจตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่า

การทดลองภาคสนาม (Field Trials)

การทดลองภาคสนามเปิดโอกาสให้ธุรกิจได้ทดสอบสินค้าในสภาพแวดล้อมจริงก่อนจะเปิดตัวอย่างเต็มรูปแบบ เป็นรูปแบบของการวิจัยเชิงสังเกตที่ให้ข้อมูลจากประสบการณ์ตรงของผู้ใช้ ช่วยให้เห็นภาพการใช้งานจริง ข้อเสนอแนะจากลูกค้า และพฤติกรรมที่เกิดขึ้นจริง

ข้อดีของการทดลองภาคสนาม

  • ปรับมุมมองต่อผลิตภัณฑ์จากการปฏิสัมพันธ์กับผู้บริโภคจริง
  • ทดสอบโครงสร้างราคาและแนวทางนำเสนอที่หลากหลาย
  • ได้ Insight ที่ลึกซึ้งและมีความสำคัญต่อการตัดสินใจทางธุรกิจ

แม้การทดลองภาคสนามจะให้ข้อมูลที่มีคุณค่า แต่ก็ต้องการการวางแผนอย่างรอบคอบและใช้ทรัพยากรไม่น้อย หากดำเนินการได้ดี ก็จะเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการประเมินความพร้อมของผลิตภัณฑ์ก่อนเปิดตัวจริง

ข้อมูลสำเร็จรูป (Purchased Data)

ธุรกิจสามารถใช้ ข้อมูลสำเร็จรูป ซึ่งหมายถึงชุดข้อมูลผู้บริโภคที่จัดเก็บโดยบุคคลที่สาม เช่น บริษัทวิจัยตลาด สถาบันการเงิน หรือบริษัทวิเคราะห์ข้อมูล วิธีวิจัยขั้นรองนี้ช่วยให้ธุรกิจเข้าถึงข้อมูลประชากร (Demographic) และพฤติกรรมผู้บริโภคในวงกว้างได้ โดยไม่ต้องดำเนินการเก็บข้อมูลเองโดยตรง

การใช้งานข้อมูลสำเร็จรูปในธุรกิจ

  • ยกระดับการแบ่งกลุ่มตลาด (Market Segmentation) ด้วยการระบุกลุ่มเป้าหมายอย่างแม่นยำ
  • เสริมแคมเปญการตลาดด้วยข้อมูลลูกค้าที่ผ่านการตรวจสอบ
  • คาดการณ์แนวโน้มผู้บริโภคและความต้องการในอนาคต

แม้ข้อมูลสำเร็จรูปจะเป็นเครื่องมือที่สะดวกและช่วยลดภาระด้านเวลาและต้นทุน แต่ธุรกิจจำเป็นต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าข้อมูลนั้นสอดคล้องกับข้อกำหนดด้านความเป็นส่วนตัว และตอบโจทย์วัตถุประสงค์ของการวิจัยอย่างแท้จริง

การเลือกวิธีวิจัยผู้บริโภคให้เหมาะสม คือหัวใจสำคัญของธุรกิจที่ต้องการรักษาความสามารถในการแข่งขัน ไม่ว่าจะเป็นการใช้การสนทนากลุ่ม แบบสอบถาม หรือการวิเคราะห์บทสนทนาบนโซเชียลมีเดีย เครื่องมือวิจัยที่น่าเชื่อถือสามารถช่วยให้ธุรกิจเข้าใจพฤติกรรมของลูกค้า และตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูลรองรับ

ในยุคที่การขับเคลื่อนธุรกิจด้วยข้อมูล (Data-Driven Decisions) กลายเป็นมาตรฐานใหม่ การลงทุนในกระบวนการวิจัยที่มีคุณภาพจึงไม่ใช่ทางเลือก แต่คือความจำเป็นในการก้าวให้ทันโลกและความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปตลอดเวลา

Milieu เป็นผู้นำด้านซอฟต์แวร์ Online survey และ Market research จากสิงคโปร์ ที่ช่วยให้ธุรกิจเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ ด้วยเทคนิคการทำ Sampling ที่มีประสิทธิภาพ ติดตาม กลยุทธ์แบบ Data-driven พร้อมอัปเดตงานวิจัย และ Insight ล่าสุดจากทีมผู้เชี่ยวชาญของเราได้เลยที่นี่

Milieu Team
Author
Milieu Team

At Milieu, we’re a team of curious minds who love digging into data and uncovering what drives people. Together, we turn insights into stories—and stories into action. We also run on coffee, deadlines, and the occasional meme.

Rachel Lee
Author
Rachel Lee

The Content Lead at Milieu Insight. Passionate about translating data into impactful stories, she crafts content that bridges insights and action- making complex research accessible, engaging, and meaningful for audiences across the globe.

พร้อมที่จะยกระดับเกมเชิงลึกของคุณหรือไม่?

Take the first step towards data-driven excellence.
Contact Milieu today.
ขอบคุณเราจะติดต่อกันเร็ว ๆ นี้!
อ๊ะ!มีบางอย่างผิดปกติขณะส่งแบบฟอร์ม
Contact us
__wf_สงวน_มรดก__wf_สงวน_มรดก